HOTS
latest

728x90

468x60

Japan

Autumn/block-2
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Tokyo แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Tokyo แสดงบทความทั้งหมด

รีวิว...นั่ง Business กับ Nokscoot ไปโตเกียว ด้วยราคาไปกลับ 8120.-


สวัสดีค่าาา ✈ รีวิวนี้จะมาชวนไปฟินกับราคา การบริการ และสิ่งที่จะได้รับเมื่อนั่ง Business class กับ Nokscoot กันจ้า

เห็นราคาที่เราได้ ว่าว้าวแล้ว มาดูสิ่งที่ได้รับจะว้าวกว่า

ก่อนจะไปอ่านรีวิ อย่าลืมแวะเข้าไปกด Like เพจกันก่อนน้า Sabai Sabai Japan

ที่สำคัญที่หลายคนเข้าใจผิด!!!!
ต้องบอกว่ารีวิวนี้ ✅เราใช้บริการของ Nokscoot นะคะ ไฟท์ XW
❌ไม่ใช่ Scoot ไฟท์ TR นะ หลายคนสับสน
เวลาจองในเวปสายการบินจะขึ้นทั้งสองสายให้เลือก ดูรหัสดีๆจ้า


🚩มาดูเริ่มต้นกันตั้งแต่การจองเลยค่ะ

ตอนนั้นปลายเดือนต.ค. มีโปรสายการบิน Nokscoot ออกมา ✅เป็นโปรตั๋วรวมน้ำหนักกระเป๋า 20 กก. 
ตอนแรกดูราคา ตัดสินใจไม่จอง กดไปกดมา ราคาขึ้น เลยปิดหน้าจอไป พออีกวันมาดูเจอราคาดีๆ ตัดสินใจจองมาด้วยราคาไปกลับ รวมน้ำหนักกระเป๋า 20 กก. ✅ราคา 6600 บาท/คน คือแบบราคาดีงามมากๆ (ที่เล่าละเอียดขนาดนี้ เพราะกำลังจะบอกว่า หากวันที่ปล่อยโปรมาแรกๆ จองไม่ทัน ลองเว้นไว้สักวันกลับมาดู ราคาดีๆ อาจกลับมา หรือแพงขึ้นนิดหน่อย แบบพอรับได้ ก็ยังมีค่ะ)
🔺สามารถเข้าไปจองได้ที่ลิงก์นี้ Nokscoot

ต่อมาเราอ่านเจอว่ามีการอัพเกรดเป็นบิสสิเนสได้ที่ Optiontown ไม่รีรอรีบเข้าไปดู ตอนนั้นมีโปรลดราคา 75% (โปรลดราคามีมาเรื่อยๆ) ไม่รอช้ากดอัพเกรดทันที

📌ขั้นตอนสั้นๆง่ายๆ
- เข้าเวป https://bit.ly/2OOooH3
- ใส่รายละเอียดเลข PNR นามสกุล Email และกด show upgrade options
- จะเจอราคาค่าอัพเกรด จะมีแบบ stand by กับ confirm ราคาจะต่างกันหน่อย 
stand by up grade ราคาจะถูกหน่อย แต่ต้องไปลุ้นใกล้ๆว่าจะมีที่ว่างให้เราอัพเกรดหรือไม่
ส่วน confirm up grade ราคาจะแพงกว่านิด แต่จะได้รับเมลล์ยืนยันเลยว่าได้หรือไม่ได้ในไม่กี่ชั่วโมงหรือประมาณ 1 วัน
ส่วนเราเลือก 👉 confirm เลยค่ะ ราคาไม่ต่างกันมาก เอาแบบชัวร์ๆไปเลย 
าคาค่าอัพเป็นบิสสิเนสขาไป 710.- / ขากลับ 750.- เลือกแล้วกดไปต่อเลย
- ใส่ข้อมูล และบัตรเครดิต
- ยืนยัน รอเมลล์ เพื่อความชัวร์ โทรคอนเฟิร์มกับสายการบินอีกทีก็ได้ค่ะ
สรุปราคาค่าตั๋วเครื่องบิน Business  ของ Nokscoot ไปกลับโตเกียว ราคาคนละ 8120.-

❗ราคาจะแตกต่างกันไปแล้วแต่โปรโมชั่นที่ได้น้า อยากได้ถูกๆ รอโปรจ้า เราก็จะรออีกเหมือนกัน

ไม่ได้อัพเกรดได้ทุกเที่ยวบิน และส่วนใหญ่ของ Scoot จะอัพเกรดไม่ได้ หลักๆจะอัพเได้เฉพาะของ Nokscoot 

แต่อัพเกรดแบบนี้ ราคาเบาๆแบบนี้ ก็มีข้อแตกต่างนิดหน่อยนะคะ กับคนที่ซื้อแบบบิสสิเนสเลยตั้งแต่ต้นคือ
- เราจะไม่สามารถเลือกที่นั่ง หรืออาหารออนไลน์ หรือโทรไปที่ call center เพื่อทำรายการให้ได้ค่ะ
- เราจะต้องไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์ และเลือกที่นั่งตอนนั้น ส่วนอาหารเลือกบนเครื่อง

จากประสบการณ์ 
ขาไป คนน้อย ไปเช็คอินเร็ว เราได้นั่งริมหน้าต่าง 
ส่วนขากลับ คนเยอะ แล้วเรามาเช็คอินช้า ทำให้ได้นั่งตรงกลาง
ซึ่งที่นั่งจะเป็นแบบ 2 - 4 - 2 สำหรับตัวเองไม่มีปัญหาอะไรค่ะ วิวอะไรก็ไม่ค่อยได้ดูอยู๋แล้ว เลยชิลล์ๆ 
แต่ได้นั่งติดกันทั้งสามที่

📌เมื่อถึงวันเดินทาง
ไฟท์ XW 102 ออกจากไทย 02.45 ถึงสนามบินนาริตะ,ญี่ปุ่น Terminal 2 10.25
เคาน์เตอร์เปิดให้เช็คอินก่อนเครื่องออก 3 ชั่วโมง เราจองแบบ Business ช่องเช็คอินก็แยกต่างหากค่ะ
วันนั้นเราไปก่อนเวลานิดหน่อย ช่องปกติแถวยาวมาก ช่อง business มีไม่กี่คน ไปต่อแถวเช็คอินแบบรวดเร็วได้เลยค่ะ เมื่อไปที่เคาน์เตอร์ ขอแจ้งขอที่นั่งตามที่ต้องการได้ หากมีจนทใจะจัดการให้ทันทีค่ะ
Business ของ Nokscoot  ได้โหลดกระเป๋า 30 กก. (กี่ใบก็ได้) ถือขึ้นเครื่อง 2 ใบ รวม 15 กก. และที่แท็กติดกระเป๋าจะมีใบสีเหลืองพิมพ์คำว่า Priority
แท็กติดกระเป๋าจะมีใบสีเหลืองพิมพ์คำว่า Priority
หากใครมีเด็กจะคือสวรรค์มากๆ เพราะบริเวณเกทของ Nokscoot จะมีโซนสำหรับให้เด็กเล่นด้วยจ้า

เมื่อถึงเวลาเรียกขึ้นเครื่อง จนท. จะเรียก Business ขึ้นก่อนค่ะ โซน Business จะอยู่ด้านหน้า หลังห้องกัปตันเลยบอกตรงๆว่าก่อนไปก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่พอได้ใช้บริการแล้ว โอเคมากๆค่ะ ที่นั่งกว้าง เหยียดขาสบาย แม้จะเอนไม่ได้ราบ แต่ส่วนตัวคิดว่าเอนเท่านี้ก็สบายมากๆแล้ว
ไฟลท์ XW 102 ใช้เครื่อง Boeing 777-200
ที่นั่ง Business ของ Nokscoot จะมี 3 แถว คือเลข 11 / 12 / 14 จัดแบบ 2-4-2 ขาไปเราได้นั่งริมหน้าต่างฝั่งขวา เลขที่นั่ง 14 ขึ้นไปนั่งได้สักพัก แอร์ฯจะมาสอบถามว่าจะรับประทานอาหารและเครื่องดื่มอะไร 

รายการอาหารมีให้เลือกดังนี้
และสามารถจะเลือกได้ว่า จะรับหลังเครื่องขึ้น หรือก่อนเครื่องลงก็ได้ เรา 3 คนเลือกเมนู
- ข้าวแพนงไก่
- พาสต้าสตูว์เนื้อ
- ไก่เทริยากิ
ความเห็นส่วนตัวคิดว่ากินได้ค่ะ ไม่ได้อร่อยเว่อร์ แต่ก็ไม่แย่ 
ส่วนน้ำมีให้เลือกหลากหลายดีค่ะ ทั้งร้อนและเย็น เลือกได้ 1 อย่างเท่านั้น หากหิว ต้องซื้อเพิ่มเอง
ขากลับกินน้ำมะพร้าว รู้สึกชอบมาก คือเค้าไม่ใส่น้ำตาล เขียนไว้ข้างกล่องว่า รสชาตแบบธรรมชาตเลย ลูกนั้นรสหวานก็หวาน จืดก็จืดเลย กล่องที่ได้ ออกจืดหน่อยๆ แต่มีกลิ่นหอมมะพร้าวนิดๆ ส่วนตัวชอบน้ำมะพร้าวมากค่ะ แต่ใครชอบกินหวานๆ อยากได้รสมะพร้าวแบบที่กินเป็นลูกๆ หวานเยอะๆ ไม่แนะนำน้า 
ขาไปดีเลย์ประมาณ 20 นาที เนื่องจากรอคิวเครื่องเทคออฟที่สนามบินหนาแน่น แต่พี่กัปตันก็ซิ่งจนถึงญี่ปุ่นตามเวลาที่กำหนด

เมื่อถึง เราซึ่งเป็น  Business จะได้ลงก่อน ใครรีบขอให้เดินจ้ำแบบด่วนๆเพราะเกทไกลมากค่ะ
ส่วนเราโชคดีมากที่มีจนท.สนามบินขับรถไปส่งถึงหน้า ตม.เลย เคสนี้คิดว่าไม่เกี่ยวกับบิสสิเนส แต่เพราะเรามีเด็กค่ะ ผ่านตม.ช่องพิเศษ ไปรอรับกระเป๋าอย่างเร็วมากๆ ขนาดเราออกมาเร็วมากกกก เชื่อไหมว่า กระเป๋ามารอเราเรียบร้อยแล้วค่ะ คือเป็นวันที่ดีสุดๆ

เครื่องลง 10.27 เราเดินไปซื้อตั๋ว Skyliner เวลา 11.00 และขึ้นรถไฟรอบ 11.22 จบทุกอย่างภายใน 1 ชม.

📌มาดูวันกลับบ้างค่ะ
ไฟท์ XW 101 ออกจากสนามบินนาริตะ,ญี่ปุ่น 13.55 ถึงไทย 19.10
เคาน์เตอร์จะเปิดเวลา 11.55 ที่ Terminal 2 
เราออกจากสถานี Tokyo นั่ง Narita Express รอบเวลา 11.03 ถึง Narita airport terminal 2 เวลา 11.55

แนะนำว่า เวลาช่วงเช้าแบบนี้ สถานที่ที่จะไปเที่ยวได้ จะเป็นศาลเจ้า สวนสาธารณะ หากใครไปช่วงดอกไม้ ซากุระ ดอกบ๊วย หรือใบไม้แดง ไปตามสวนสาธารณะหรือศาลเจ้าได้เลยค่ะ แผนเดิมเราจะไปดูบ๊วยที่ Yushima jinja ที่นี่เปิดให้เข้าไปเดินบริเวณรอบๆได้ตั้งแต่ 6.00 เลย แต่เที่ยวหนักมาหลายวัน ตื่นไม่ไหวค่าาา555
หรือหากใครอยากไปช็อปปิ้งก่อนกลับ แนะนำให้ไปที่ ดองกี้ ที่เปิด 24 ขม.ที่แนะนำแบบนี้เพราะตามร้านค้า หรือสถานที่เที่ยวต่างๆในญี่ปุ่นจะเปิดสาย หากเราไปตามที่มีเวลาเปิดแบบนั้น จะไม่ทันรถไฟ และไปไม่ทันเช็คอินจ้า
เมื่อมาถึงที่เคาน์เตอร์ แถวปกติยาวเหมือนเดิม ส่วน Business ไม่มีคนเลย 

ขากลับถือว่ามาเช็คอินหลังเคาน์เตอร์เปิดแล้วสักพัก เลยทำให้ไม่มีที่นั่งริมหน้าต่างว่างแล้ว เหลือแต่ตรงกลาง จึงได้ที่นั่งติดกัน 3 ที่ตรงกลางแถวที่ 12 


ถึงเวลาเรียกขึ้นเครื่องก็ได้ขึ้นก่อนเหมือนเดิม ขึ้นไปแล้ว แอร์ฯจะมาถามเรื่องอาหารและเครื่องเดิมเหมือนเดิม ขากลับจะเสิร์ฟหลังเครื่องขึ้นสักพัก

เมนูและน้ำเหมือนเดิม  หากอยากทานอะไรเพิ่มก็สามารถสั่งได้

ใครอยากได้ของที่ระลึกสวยๆจาก Nokscoot ก็มีให้เลือกช็อปกันนะคะ
ส่วนสายช็อปปิ้งก็สามารถซื้อน้ำหนักกระเป๋าได้ถึง 80 กก เลย



ห้องน้ำบนเครื่อง  ตกใจมากก คือห้องน้ำกว้างกว่าที่คิดไว้มากๆ กว้างกว่าที่เคยเข้าของฟูลเซอร์วิส ก็ Business อ่ะเนอะ 

เมื่อเครื่องลง เราก็จะได้ออกเป็นกลุ่มแรกเหมือนเดิม ขากลับถึงเร็วกว่ากำหนดไปอีก 

เมื่อผ่านทุกอย่างมารับกระเป๋า

ขอบอกว่า กระเป๋ามาไวเว่อร์ๆๆๆๆ ตอนนั้นมี 3 สายการบินลงพร้อมกัน สายพานที่เราต้องรับกระเป๋ามี 3 สายการบินที่มารอรับสายพานเดียวกัน ของเราเรียงลำดับอยู่ล่างสุด  แต่ Business อ่ะ มันก็ต้องแตกต่างหน่อย ออกมาก่อนอีกแล้วจ้า

ตอนแรกแอบเซงนะ เพราะเห็นกระเป๋าของสายการบินอื่นเลื่อนอยู่ ยังคิดว่า เจ้าอื่นยังเอากระเป๋าลงไม่หมดเลย ของเราจะมาเมื่อไหร่เนี่ย สรุป 1 ใบมาก่อนเรา อีกใบรอแปบเดียว 

บอกตรงๆว่า ทริปนี้คุ้มค่าตั๋วเครื่องบินสุดๆ สิ่งที่ได้รับแฮปปี้มากกับราคาที่จ่าย

✅สุดท้ายขอมาสรุปสั้นๆว่า Business ได้อะไรแตกต่างบ้าง

1. เช็คอินก่อน เช็คอินเร็ว
2. กระเป๋ามาก่อน มาเร็วเว่อร์
3. ที่นั่งกว้าง นั่งสบาย เบาะหุ้มหนังเต็มเบาะ 
พื้นที่วางขา 38 นิ้ว ความกว้าง 21.7 นิ้ว พนักพิงเอนหลัง 8 นิ้ว
4. อาหารและเครื่องดื่ม
5. สัมภาระเช็คอิน 30 กก.กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง 2 ใบ รวม 15 กก.
6. ปลั๊กไฟบริเวณที่นั่ง

หวังว่ารีวิวจะเป็นประโยชน์กับใครที่กำลังจะเดินทางหรือกำลังตัดสินใจใช้บริการของ Nokscoot อยู่นะค้า

💙ฝาก Like & Share เป็นกำลังใจให้เราด้วยน้า 

Review : ร้านราเมน Ezogiku (えぞ菊 御徒町店) ,Okachimachi


แนะนำร้านราเมนรสจัด เกี๊ยวซ่าอร่อย ที่  Ezogiku (えぞ菊 御徒町店) 
ร้านอยู่ใกล้กับสถานี Okachimachi ซอยด้านข้าง Uniqlo หรืออยู่ใกล้ๆกับตลาดอเมโยโกนั่นเอง
เจอร้านนี้โดยบังเอิญเพราะตอนแรกตั้งใจไปอีกร้านแต่คิวยาวมาก ทนความหิวไม่ไหวเดินผ่านเจอร้านนี้
 แอบๆมองๆดูแล้วมีที่ว่าง เลยแว๊ปเข้าไปเลย มาหาดูตอนหลังร้านนี้ได้คะแนน Tabelog 3.5
ระหว่างทานมีลูกค้าเข้ามาเรื่อยๆ จนเต็ม ภายในร้านไม่ใหญ่มีที่นั่งแบบเคาท์เตอร์ ประมาณ 15 ที่
เวลาปิด-ปิด : วันธรรมดา 11:00 - 19:00 
วันเสาร์,อาทิตย์และวันหยุด 11:00-04:00 (โดยประมาณ)
บริเวณเคาท์เตอร์โต๊ะนั่ง มีที่วางของด้านล่างและที่แขวนเสื้อด้านหลัง 
มาดูเมนูกัน มีเมนูภาษาอังกฤษด้วย 
*วันธรรมดาช่วงมื้อกลางวัน (11:000-14:00) มีข้าวบริการฟรี
และสามารถสั่งเป็น Combo ราเมน+เกี๊ยวซ่า 3 ชิ้นในราคา 950 เยน 
ช่วงวันธรรมดาตั้งแต่เวลา 11:00-19:00 น.ครับ


มนูที่แนะนำได้แก่ Spicy miso flavor เป็นเมนูแนะนำของร้าน, Miso flavor with long onion topping และ Gyoza  
ในภาพคือ Miso flavor with long onion topping (850 เยน) ราเมนรสชาติโอเคเลย เส้นลวกมานุ่มกำลังดี
ในชามมีหมูชาชู หน่อไม้ ถั่วงอก สาหร่าย และต้นหอมซอยโรยอยู่ด้านบน 
 น้ำซุปอร่อย เผ็ดกำลังดี ทานร้อนๆแก้หนาวได้เลยครับ



Gyoza  เกี๋ยวซ่า 6 ชิ้น 450 เยน อร่อย ไส้แน่นๆ แนะนำเลยต้องลองครับ !!


การเดินทาง
- ร้านอยู่ใกล้กับสถานี Okachimachi  (ห่างจากสถานี Ueno 1 สถานี) หรือเดินทะลุตลาดอเมโยโกมา ข้ามถนน เดินเข้าซอยซอยด้านข้าง Uniqlo เดินเข้าซอยมาประมาณ 100 เมตร ร้านอยู่ทางซ้าย
- มาโดยรถไฟลงสถานีสถานี Okachimachi ออกทางออก South 

GPS : 35.706262, 139.774425
ด้านหน้าร้าน


Gyu no chikara ร้านข้าวหน้าเนื้อใกล้สถานี Ueno


มาแนะนำข้าวหน้าเนื้อใส่เนย เมนูแนะนำของร้าน Gyu no chikara 😉 ร้านอยู่แถวสถานี Ueno ตรงทางม้าลายข้ามไปตลาด Ameyoko
ด้านหน้าร้านจะมีทีวีเล็กๆ เปิดให้ดูว่าร้านนี้เคยมีรายการมาถ่ายทำที่นี่ด้วย !! ไม่ธรรมดา จริงๆ

มีอกาสไปชิมมาเมื่อทริป ม.ค.ครับ วันนั้นจัดชามใหญ่ ใส่เนย ใส่ไข่ออนเซน
พอมาเสริฟก่อนทานเราก็คนๆให้เนย ไข่ และเนื้อ ให้เข้ากันพอประมาณแล้วทานได้เลยจ้า.. ระหว่างกินจะได้กลิ่นหอมของเนย ยิ่งเพิ่มความอร่อยเข้าไปอีก

ในเซตจะเสิร์ฟพร้อมน้ำซุปด้วย ราคาเพียง 900 เยนเท่านั้น อิ่มและอร่อย ราคาเบาๆ คุ้มสุดๆ
มีโอกาสไปลองชิมกันได้ครับ มีหลากหลายเมนูราคาไม่แพง เริ่มต้น 500-600 เยนเอง 😋

👉 ร้านอยู่แถวสถานี Ueno ออกทางออก Shinobasu exit อยู่ข้างๆร้านขายของเล่น Yamashiriya ใกล้กับทางเข้าตลาด Ameyoko

👉 เปิด 08:00-23:30

🚩gps : 35.711353, 139.775504