HOTS
latest

728x90

468x60

Japan

Autumn/block-2
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ รีวิวการเดินทาง แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ รีวิวการเดินทาง แสดงบทความทั้งหมด

วิธีเข้าเมืองด้วย Skyliner จากสนามบินนาริตะ


หลายคนคงจะคุ้นเคยกับการนั่งรถไฟเข้าเมืองด้วย Narita Express แต่วันนี้เราจะเข้าเมืองกันด้วย Skyliner ค่ะ สาเหตุที่เลือกเข้าเมืองด้วยวิธีนี้คือ

- เราพักแถวสถานี Nippori สามารถนั่งรถไฟยาวๆมาลงที่สถานี Nippori ได้เลยไม่ต้องเปลี่ยนขบวนให้ยุ่งยาก
- เลือกนั่งแบบรถไฟด่วนพิเศษ Skyliner เพราะเคยนั่งแบบ Express แล้ว ใช้เวลานานกว่ามาก นั่งตอนนั้นเวียนหัวเลยค่ะ เพิ่มเงินอีกหน่อย ได้นั่งสบายและรวดเร็วกว่า ถือว่าคุ้มค่ามาก
- วันแรกที่เดินทาง เราไม่ได้เปิดใช้พาส

มาดูวิธีเข้าเมืองด้วย Skyliner กันเล้ยยยย...

ตั๋ว Sky-liner สามารถซื้อที่จากตัวแทนจำหน่ายที่ไทยได้ แต่คราวนี้เรามาซื้อที่สนามบินเลย

เครื่องลงที่ Narita airport Terminal 2 เมื่อผ่านขั้นตอนหมดแล้ว ออกมาด้านนอก ลงมาที่ชั้น B1F



เคาน์เตอร์ซื้อตั๋วจะอยู่ด้านข้างถัดจาก JR East Travel Service Center เราเดินมาเข้าคิวซื้อตั๋วที่ Skyliner & Keisei Information Center ซึ่งคนน้อยมากๆ เมื่อเที่ยวกับแถวที่ JR East Center

แนะนำเลยว่า หากใครไม่ได้เปิดพาสวันแรก นั่ง Skyliner จะไม่เสียเวลาแลกพาสหรือซื้อตั๋วนาน เข้าแถวแปบเดียวก็ได้ซื้อตั๋วแล้วค่ะ



เมื่อได้ตั๋วแล้ว เดินไปที่ทางเข้า เราจะต้องสอดและรับตั๋ว Skyliner ที่เครื่อง แล้วเดินไปที่ชั้น B2F 


ดูเลขที่ตั๋วว่าขึ้นขบวนหมายเลขที่เท่าไหร่ แล้วไปยืนรอในบริเวณนั้น

เมื่อรถไฟมา เข้าไปด้านใน เอากระเป๋าเก็บที่ช่องวางกระเป๋าให้เรียบร้อย

ช่วงที่ไป Skyliner คนน้อยมาก ที่วางกระเป๋าไม่ต้องแย่งกันเลย

เก็บกระเป๋าแล้ว ก็นั่งที่นั่งตามหมายเลขที่ระบุภายในบัตร




ใช้เวลาไม่นานก็ถึงที่หมายค่ะ รวดเร็วมากๆ 

ตั๋วรถไฟจากสนามบินนาริตะ เทอมินอล 2 ซื้อที่เคาน์เตอร์ ไปลงสถานี Nippori / Ueno ราคา 2470 เยน 

จ่ายด้วยบัตร IC Card จะลดไป 5 เยน เหลือ 2465 เยน

และถ้าอยากได้ราคาพิเศษให้ซื้อจากตัวแทนจำหน่ายในไทย ออนไลน์ หรือภายในเครื่องบิน ราคาตั๋วจะอยู่ที่ 2200 เยน

Skyliner อีกตัวเลือกในการเข้าเมืองที่สะดวกสบายวิธีหนึ่ง จะเดินทางเข้าเมืองแบบไหน เลือกตามที่ตัวเองสะดวกได้เลยจ้า





‼ ส่วนลดพิเศษ ‼
 ✅ช็อป Jr Pass และสินค้าเกี่ยวกับญี่ปุ่นที่ KKday 👉 http://bit.ly/2GTHnf8
ใส่โค้ด "SABAISABAI" Daytour ไต้หวัน เกาหลี และญี่ปุ่น ลด 10%

  
เช่า Pocket wifi ไปญี่ปุ่น ของ 4wifi จองผ่าน Link นี้ 4Wifi 

ใช้ Code ส่วนลด “ Sabai4Wifi ” เช่า pocket wifi ราคาพิเศษ วันละ 140 บาท🎉

✅ ร้านอุปกรณ์กล้อง Lowepro ขาตั้งกล้อง Joby Gorilla ที่
👉 http://bit.ly/2tS48aV



รีวิว...วิธีส่งกระเป๋าจากสนามบินไปที่พักด้วย "แมวดำ" (KURONEKO YAMATO)


✈ทริปที่ผ่านมาตาลนั่งเครื่องบินไปญี่ปุ่นกับลูกสองคน การเข้าเมืองโดยการลากกระเป๋าไปด้วยมันดูจะทุลักทุเลมากๆ จึงตัดสินใจใช้บริการส่งกระเป๋าด้วย แมวดำค่ะ

รอบนั้นเรานั่ง Japan airlines สายการบินนี้ลงสนามบินนาริตะ เทอมินอล 2

เมื่อผ่านขั้นตอนทุกอย่างออกมาด้านนอก ให้เดินมาทางขวามือจนสุดทาง จะเจอเคาน์เตอร์แมวดำอยู่ทางซ้ายมือ


🎈ไปถึงก็แจ้งจนท.ว่าต้องการจะส่งกระเป๋าไปที่พัก จนท.จะให้ใบมากรอก

หากไม่เข้าใจ สงสัยตรงไหน ถามจนท.ได้เลยค่ะ จนท.ยินดีช่วยเหลือมากๆ


📜ตาลกรอกรายละเอียดตรงส่วนที่อยู่ตอนรับกระเป๋า ชื่อผู้รับ ต้องเป็นชื่อที่เราใช้ในการจองที่พัก และเบอร์โทรเท่านั้น ตามกรอบสีฟ้า ซึ่งแนะนำให้เตรียมข้อมูลมาก่อนนะคะ มาถึงจะได้เขียนลงได้เลย

เมื่อกรอกที่อยู่ตอนรับ และเบอร์แล้ว ยื่นให้จนท.

✨จนท.จะถามว่า เช็คอินวันไหน เราก็บอกไปค่ะ จนท.จะเขียนลงในช่องสีส้มตามภาพ หรือจะเขียนวันที่เองเลยก็ได้ ให้ใส่วันที่้เช็คอินเข้าที่พัก หรือวันที่จะรับกระเป๋า ซึ่งระยะเวลาในการส่งเร็วสุดแค่ไหน ขอให้สอบถามเจ้าหน้าที่อีกทีนะคะ และอีกหนึ่งคำถามคือ ในกระเป๋าเป็นอะไร ถ้าเป็นเสื้อผ้า ก็แจ้งไปค่ะ จะเขียนก่อนเองก็ได้เช่นกัน ตามกรอบสีเขียว

เมื่อลงรายละเอียดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาจ่ายเงิน เราก็ชำระเงินที่เคาน์เตอร์ได้เลย

รอบนี้เราส่งกระเป๋า 24 นิ้ว ไปจ.ฟุคุชิมะภูมิภาคโทโฮคุ ส่งวันที่ 7 เช้า ไปรับวันที่ 8 สายๆที่รร. ราคา 2146 เยน

ชำระเงินแล้ว เราจะได้ใบที่เราเขียน ส่วนใบก็อปปี้จะไปกับกระเป๋า

😊ถึงวันเข้าพัก รับกระเป๋า ก็ยื่นใบที่เราได้รับมาให้จนท.ตอนเช็คอิน จนท.จะนำกระเป๋ามาให้ค่ะ เท่านี้ก็เรียบร้อย ไม่ต้องหอบหิ้วกระเป๋าให้หนักและทุลักทุเลอีกต่อไปจ้า


🎌ติดตามผลงาน ข้อมูลอัพเดท ภาพและสถานที่เที่ยวสวยๆได้ที่
📳 FB Sabai Sabai Japan : www.facebook.com/sabaisabaijapan
📷 ig : @aoff_sabaisabaijapan
🖱Website : www.SabaiSabaiJapan.com
☎️ Email : SabaiSabaiJapan@Gmail.com

สรุป... Retro Bus เที่ยวรอบ Kawaguchiko และ Saigo


อัพเดท 
👉 18/7/2019 มีการเปลี่ยนแปลงราคาค่าขึ้นกระเช้า ล่องเรือ และบัตรเหมาแบบ 2 วัน
👉 14/2/2019 มีการเปลี่ยน bus stop กลับมาเหมือนเดิม สุดสายที่ bus stop 20

มาดูกันว่าตอนนี้บัตรสำหรับนั่งเรโทรบัสที่คาวากูจิโกะมีแบบไหน และราคาเท่าไหร่กันบ้าง...

🎀1. เที่ยว 4 ทะเลสาบ
- Kawaguchiko
- Saiko
- shoji
- Motosu
- นั่ง Retro Bus ได้ไม่จำกัดรอบในเวลา 2 วัน
💴ราคา 1500 เยน / เด็ก 750 เยน

🎀2. เที่ยวทะเลสาบ ขึ้นกระเช้า ล่องเรือ
- Kawaguchiko
- Saiko
- shoji
- Motosu
- นั่ง kachi kachi ropeway (ไปกลับ)
- ล่องเรือในทะเลสาบได้ 1 เที่ยว
- กระเช้าและล่องเรือ ลง bus stop no. 9
- นั่ง Retro Bus ได้ไม่จำกัดรอบในเวลา 2 วัน
💴ราคา 2800 เยน / เด็ก 1400 เยน
ในภาพอาจจะมี ภูเขา, ท้องฟ้า, สถานที่กลางแจ้ง, ธรรมชาติ และน้ำ
ราคาค่ากระเช้าและล่องเรือ หากไม่ซื้อคูปอง
🚡kachi kachi ropeway 
ไปกลับ 900 เยน (เด็ก 450 เยน)
ข้อมูลเพิ่มเติม http://bit.ly/2RIzQFW

🛳ล่องเรือ 1000 เยนต่อเที่ยว เด็ก 500 เยน 
(ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที)
ข้อมูลเพิ่มเติม http://bit.ly/2sCLzqA

❗️❗️หากไม่ซื้อคูปองแบบ 2 วัน มาดูราคาเรโทรบัสต่อครั้งในการเที่ยวรอบทะเลสาบ Kawaguchiko กันค่ะ
-------------------------------------------------------
สถานีที่ 1 => สถานีที่ 5 : 150 เยน
สถานีที่ 1 => สถานีที่ 9 : 150 เยน
สถานีที่ 1 => สถานีที่ 15-16 : 380 เยน
สถานีที่ 1 => สถานีที่ 18 : 430 เยน
สถานีที่ 1 => สถานีที่ 20 : 480 เยน
-------------------------------------------------------
ถ้าลองจัดการเดินทางไล่ตามสถานที่เที่ยวจะได้ราคาดังนี้
สถานีที่ 1 => สถานีที่ 5 : 150 เยน
สถานีที่ 5 => สถานีที่ 9 : 150 เยน
สถานีที่ 9 => สถานีที่ 15-16 : 260 เยน
สถานีที่ 15 => สถานีที่ 20 : 190 เยน
สถานีที่ 20 => สถานีที่ 1 : 480 เยน
-------------------------------------------------------
สถานี 1 => สถานีที่ 48 (Saiko) ราคาประมาณ 630-700 เยน
ในภาพอาจจะมี ภูเขา, ท้องฟ้า, สถานที่กลางแจ้ง และธรรมชาติ
👉สถานที่เที่ยวของทะเลสาบ Saiko คือ bus stop no. 48 (Saiko Iyashi no sato) ที่นี่จะมีหมู่บ้านโบราณ หากวันฟ้าใส จะเห็นฟูจิซังสวยๆในอีกมุมหนึ่ง นอกจากนั้นที่นี่ยังมีชุดกิโมโน ชุดนักรบ ให้เช่าใส่ในราคาไม่แพง คือ 1000 เยน/คน (รอบสุดท้าย เวลา 15.30 น.)

⏰ตารางเวลารอบรถบัส สามารถเข้าดูได้ที่นี่ค่ะ
http://bit.ly/2QZWqEI

📍จุดซื้อคูปอง เมื่อลงรถไฟแล้วผ่านจนท.ดูตั๋วแล้ว เข้าห้องขวามือ จะมีเคาน์เตอร์อยู่ด้านใน

❌บนบัสไม่รับเหรียญ 2 , 5 เยน, แบงก์ 10000 เยน

✅ รับบัตร IC card

✅ Sabai Sabai Tip
- แอดมินเคยนั่งช่วงซากุระ คนเยอะและแน่นมาก บางครั้งคนเต็ม ต้องรอคันถัดไป
- มาหลายคนเช่ารถเลยจ้า สะดวกสุด
- Shoji แอดเคยไปนอนค้าง 1 คืน รีวงรีวิวที่พัก ไม่มีค่ะ 555 แต่ถามได้นะ
- Motosu เป็นมุมฟูจิซังในธนบัตร 1000 เยน
- สถานี 15-16 ที่คาวาฯเดินถึงกันได้ เดินมาแล้วค่ะ ไหวอยู่ ^^*
- ถ้าเที่ยวไม่กี่จุด จ่ายเป็นครั้งบนรถดีสุด
- ช่วงเทศกาล คนเยอะ วางแผนดีๆ เผื่อเวลากลับมาขึ้นบัส ขึ้นรถไฟเยอะๆหน่อย



👉....ลองตัดสินใจกันดูนะคะ ว่าจะซื้อคูปอง หรือจ่ายเป็นครั้ง แบบไหนประหยัด และตรงตามความต้องการมากที่สุด

🔖สำหรับบัสเที่ยว Yamanakako และสถานที่ใกล้เคียงอย่าง Oshino hakkai ดูได้ที่โพสต์นี้เลยจ้า
https://bit.ly/2AXTBP4



🚩 ไม่พลาดทุกการติดต่อสื่อสารเมื่อเดินทางไปต่างประเทศกับ 4wifi ชี้เป้าทางไปจอง 👉 http://bit.ly/2xEnS3B







แลก Japan rail pass ด้วย Exchange Order ของ KKday ที่ สนามบิน นาริตะ

Japan rail pass  คือ ตั๋วสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวทุกที่ด้วยรถไฟ JR ในประเทศญี่ปุ่นโดยรถไฟ ซึ่งเป็นพาสที่กลุ่มบริษัทรถไฟญี่ปุ่น 6 บริษัท ร่วมมือกัน สนมารถขึ้นรถไฟในเครือ JR ได้ไม่จำกัด โดยไม่สามารถใช้ได้กับรถไฟเอกชนอื่นๆได้ แบ่งออกเป็นพาสแบบ 7 วัน, แบบ 14 วัน และ แบบ 21 วัน นับวันต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มใช้วันแรก

- เวลาใช้เข้าสถานีรถไฟJR แสดงพาสกับเจ้าหน้าที่ผ่านประตูด้านข้าง
- สามารถใช้จองที่นั่งรถไฟชินคันเซนเพื่อเดินทางได้
* มีเงื่อนไขการใช้ เช่น ไม่สามารถใช้โดยสารขบวนรถไฟ "Nozomi" รถไฟ "Mizuho" 
Exchange Order ที่ได้รับจาก KKday

🚩การแลก Japan rail pass

- ครั้งนี้ผมมาลงที่สนามบินนาริตะ เทอมินอล 1 เราจะนำตั๋ว Exchange Order ที่ได้รับจาก KKday ไปแลกเป็น Japan rail pass ตัวจริงที่ JR EAST Travel Service Center  

..พอเรารับกระเป๋าออกมาแล้วลงบันไดเลื่อนไปที่ชั้น B1F ถ้าออกฝั่ง north wing จะใกล้หน่อย ลงบันไดเลื่อนมาก็จะเจอป้ายสีแดงๆ JR EAST Travel Service Center  พอถึงด้านหน้าจะมีเจ้าหน้าที่สอบถามว่าเราจะแลกพาสอะไรครับ เเล้วเจ้าหน้าที่จะนำพาสมาให้เขียนข้อมูลครับ

🚩สิ่งที่เราต้องเตรียม
1.ตั๋ว Exchange Order สำหรับแลกพาส
2.Passport 
JR EAST Travel Service Center
👉เมื่อถึงด้านหน้า JR EAST Travel Service Center  รับเอกสารจากเจ้าหน้าที่ 
👉กรอกรายละเอียดในเอกสารที่เจ้าหน้าที่นำมาให้
👉เข้าไปต่อคิวรอแลกรับพาสตัวจริง 


🚈 ในขั้นตอนนี้เราสามารถจองที่นั่งรถไฟ N'ex + ที่นั่งรถไฟที่จะเดินทางในวันนั้นตอนแลกพาสได้เลย ส่วนวันอื่นๆเราสามารจองได้ที่ Ticket service ตามสถานีรถไฟได้ แค่นี้เราก็จะได้ Japan rail pass ตัวจริงมาใช้งานเลยครับ

📜ในส่วนของ Contact แนะนำให้เขียนเป็น Line id หรือ Email facebook ไว้ด้วยครับ 
เพื่อสูญหายผู้พบเจอสามารถติดต่อได้
เจ้าหน้าที่จะนำใบมาให้เขียนข้อมูลก่อนแลก และไปเข้าคิวรอแลกพาสจริงได้เลยครับ


🚩 ส่วนที่สนามบินนาริตะ เทอมินอล 2 สามารถแลกที่ JR EAST Travel Service Center เหมือนกันครับ หรือสามารถแลกได้ตามจุดแลกพาสตาม Link นี้เลยครับ
จุดจำหน่ายและแลกพาส : http://www.japanrailpass.net/th/exchange.html

🚄เดินทางท่องเที่ยวทั่วญี่ปุ่นด้วย Jr rail pass กับ KKday

- สามารถดูรายละเอียดและสั่งซื้อ online ได้ที่  www.KKday.com
- บริการ 4G Pocket Wifi รับ-คืนสนามบินที่ญี่ปุ่น
 👉http://bit.ly/2Tmsvvt
 👉รีวิว : Wifi ของ KKday


แผนที่
JR EAST Travel Service Center Narrita airport Terminal 1 เปิด 8:15-19:00 น

JR EAST Travel Service Center Narrita airport Terminal 1 เปิด 8:15- 20:00 น

Lockers at Inawashiro station : Fukushima



Lockers at Inawashiro station : Fukushima

ก่อนออกจากสถานี เดินมาทางซ้าย จะพบล็อคเกอร์
- ขนาด 300 เยน 8 ตู้
- ขนาด 400 เยน 8 ตู้
- ขนาด 600 เยน 8 ตู้
สามารถแลกเหรียญกับร้านสะดวกซื้อได้

🎌ติดตามผลงาน ข้อมูลอัพเดท ภาพและสถานที่เที่ยวสวยๆได้ที่
🔹 FB Sabai Sabai Japan : www.facebook.com/sabaisabaijapan
📷 ig : https://www.instagram.com/aoff_sabaisabaijapan
🖱Website : www.SabaiSabaiJapan.com
☎️ Email : SabaiSabaiJapan@Gmail.com

เตรียมเสื้อผ้าไปลุยหิมะ แต่งตัวอย่างไร ?

🐧ไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงหน้าหนาว เป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่นักท่องเที่ยวนิยมไปและหลายๆคนก็อยากไปเจอหิมะแบบขาวๆฟู นุ่มๆ สวยๆ รอบที่ไปล่าสุดนี้เจอโหดสุดก็ -15
 แถมหิมะตกหนักตลอดเวลาด้วย
 ชุดกันหนาวเราต้องเตรียมพร้อมเพื่อให้ความอบอุ่น เราจะได้ลุยหิมะท่องเที่ยวได้อย่างเต็มที่
วันนี้เรามาแนะนำเกี่ยวกับการเตรียมเสื้อผ้าไปลุยหิมะในฤดูหนาวที่ญี่ปุ่นกันครับ
⛄การแต่งตัวลุยหิมะจะใส่เสื้อเป็นชั้นๆ (Layer)  ที่ผมไปเจอกับอุณหภูมิติด - เป็นส่วนใหญ่จนถึง -15 ผมใส่ทั้งหมด 3 ชั้นด้วยกัน มีอะไรบ้างไปดูกันครับ
👕ชั้นในสุด (Base layer) 
เสื้อและกางเกงเราจะใส่ Heattech หรือ ลองจอนไว้ข้างใน เพื่อรักษาความอบอุ่นและเก็บกักความร้อนให้ร่างกาย ถ้าเป็นยี่ห้อ Uniqlo จะมี Heatteach ให้เราเลือก 3 แบบ ราคาก็จะแตกต่างกันด้วยครับ
ผมลองประมาณความเหมาะสมคร่าวๆในการใส่ดังนี้

  •  Heattech แบบธรรมดา 5 องศา
  • Heattech Extra wam  0  องศา
  •  Heattech Ultra  wam ติด - 


👕ชั้นที่ 2 (Middle layer)
 
ใส่เสื้อแขนยาวธรรมดา /ไหมพรม หรือใส่เเขนยาวผ้าฟรีซคอเต่า (Fleece) ของ uniqlo ที่มี Heattech ด้วย เพื่อป้องกันความหนาว และเนื้อผ้าจะนุ่มๆใส่สบายดีครับ



👕ชั้นที่ 3 (Outer layer)

 ด้านนอกสุด ใส่เสื้อแจ๊คเกต ที่สามารถกันลมและกันน้ำได้ อย่างทริปที่ล่าสุดไปลุยอากาศติดลบตลอด ผมได้ตัวนี้ช่วยได้เยอะเลยครับ  Bean Bluff interchange jacket ของ Columbia เป็น Jacket 2 ชั้น ด้านในเป็น Down 700 มาพร้อมเทคโนโลยี Omni-Heat จุดเล็กๆสีเงิน ช่วยเก็บความอุ่นให้แก่ร่างกายได้อย่างดีเยี่ยม ชั้นนอกเป็น Outer shell ที่มีเทคโนโลยี Omni-Tech waterproof breathable 100% ช่วยกันน้ำกันลมได้อย่างดีเยี่ยม และที่ชอบมากสุดคือน้ำหนักเบา ใส่ลุยทั้งฝนและหิมะมารอบนี้โอเคมากเลยครับ




👖กางเกง  
ชั้นในสุดใส่ Heathtech ด้านนอกจะเลือกเป็นกางเกง Blocktech ที่สามารถกันลมและกันน้ำได้ด้วยครับ เลือกเนื้อผ้าที่มันๆหน่อยจะคล้ายๆผ้าร่มจะกันน้ำดีที่สุด หรือเลือกเนื้อผ้าที่เขียนว่า Gore-tex จะกันน้ำครับ

👞รองเท้า 
ถ้าไปลุยหิมะจริงจัง แนะนำใช้รองเท้ากันน้ำและกันลื่น ใส่หุ้มส้นมิดชิด ผมเลือกใช้รองเท้ากันน้ำและมี Omni heat คือใส่ละอุ่น ของ Columbia รุ่น PEAKFREAK VENTURE MID WATERPROOF Omni-Heat 👉ตัวรองเท้าเป็นเทคโนโลยี omni tech waterproof breathable 100% / omni heat thermal reflective warmth ช่วยได้จริงครับใส่คู่นี้ไปลุยมาใส่กับถุงเท้าธรรมดาได้เลย 

*ที่สำคัญเวลาเดินเลือกเดินที่หิมะฟูๆนุ่มๆ หลีกเลี่ยงเดินบนหิมะที่ละลายเเข็งเป็นมันวาว 
 อันนี้อันตรายลื่นแน่นอนครับ และเดินถ่ายน้ำหนักไปข้างหน้านิดนึง



👒หมวก 
เลือกหมวกไหมพรมที่สามารถดึงลงมาปิดหูได้ หรือสามารถใส่ที่ปิดหูแยกต่างหากได้ครับ


🌞Neck warm หรือ ผ้าพันคอ
แนะนำเลยอันนี้ช่วยให้รู้สึกอุ่นขึ้นเยอะเลย ไว้ปิดคอและหน้า ตอนแรกใส่หน้ากากแมส พอเปลี่ยนมาใส่ neck warm ชีวิตดีขึ้นเยอะเลย หายใจไม่เป็นไอน้ำเกาะที่จมูก น้ำมูกไม่ไหล สามารถซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อ ดองกี้ก็มีให้เลือกหลาบแบบราคาไม่แพง หรือจะเลือกใช้ผ้าพันคอเก๋ๆไว้ถ่ายรูปสวยๆก็ได้ครับ


🎀ถุงมือ 
ควรใช้เป็นถุงมือหนัง หรือเลือกที่กันน้ำได้ เวลาไปเล่นหิมะตอนละลายจะเปียกทำให้มือเย็น

👓เเว่น 
ไว้กันแสงแดดสะท้อนกับหิมะ และถ้าหิมะตกหนักๆจะพัดเข้าตา



🌞แผ่นให้ความร้อนไคโระ 
ตัวช่วยสำคัญราคาไม่แพงมีขายตามร้านสะดวกซื้อ ฉีกซองแล้วเขย่าๆก็จะค่อยๆอุ่นขึ้น มีให้เลือกหลายแบบ 

  • แบบมีแถบกาวติดกับเสื้อได้ จะมีมุมสีแดงด้านบนซอง (ติดด้านบนเสื้อห้ามโดนผิวหนังโดยตรง)
  • แบบธรรมดา เอาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อด้านใน หรือเอามือกำไว้อุ่นๆช่วยได้ครับ 
  • แบบใส่รองเท้า



📷กระเป๋ากล้อง
เลือกใช้กระเป๋ากล้องที่ผ้ากันน้ำ หรือมีผ้าคลุมกันเปียก ทริปหิมะที่ผ่านมาทั้ง 2 ทริป ผมใช้กระเป๋าของยี่ห้อ LOWE PRO รุ่น  PHOTO SPORT BP 300 AW II  ตัวเนื้อผ้าสามารถกันหิมะได้ ลุยหิมะหนักๆมาไม่ได้ใช้ผ้าคลุมกันฝนเลย กระเป๋าน้ำหนักเบาสามารถใช้งานได้คล่องตัว สามารถเปิดด้านข้างเพื่อหยิบกล้องได้ ด้านบนมีที่เพื่อเก็บของใส่เสื้อผ้าได้ และมีผ้าคลุมกันฝนลุยได้สบายๆเลยครับ

💉Option เสริมต่างๆ
- อากาศแห้ง ควรเตรียมครีมหรือโลชั่นสำหรับทามือและผิว รวมทั้งลิปมัน สำหรับทาปาก
- โลชั่นกันแดด
- ถ้าใครมีโรคประจำตัวอย่าลืมพกยาไปด้วยนะครับ





👉การเลือกใส่ชุด เราสามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสภาพอากาศที่เจอแต่ละวัน
 ถ้าวันไหนไม่หนาวมากเราอาจจะลดจำนวนชั้นที่ใส่ลงมาให้น้อยหน่อยครับ คราวนี้ชุดเราก็พร้อมเที่ยวลุยหิมะ ถ่ายรูปสวยๆได้อย่างสบายใจไร้กังวลครับ ✌



🎌ติดตามผลงาน ข้อมูลอัพเดท ภาพและสถานที่เที่ยวสวยๆได้ที่
📳 FB Sabai Sabai Japan : www.facebook.com/sabaisabaijapan
🖱Website : www.SabaiSabaiJapan.com
☎️ Email : SabaiSabaiJapan@Gmail.com




บินไปญี่ปุ่นต้องนั่ง JAL Premium Economy Class JL718

กลับมาอีกครั้งกับรีวิวสายการบินเจแปนแอร์ไลน์ เดินทางไปญี่ปุ่นเหมือนเดิม รอบนี้นั่ง JAL Premium Economy Class 
กับไฟลท์เสริมพิเศษของ Japan Airlines JL718
ซึ่งปกติไฟลท์ของ JAL ถึงเช้าจะมีไปลงที่สนามบิน Haneda เท่านั้น ส่วนสนามบิน Narita ไฟลท์ถึงเช้าจะมีแค่ช่วงหน้าหนาว แต่ปีนี้พิเศษ Japan Airlines ขยายเวลาเที่ยวบินนี้ถึงเดือน ต.ค.กันเลยครับ โดยไฟลท์ JL718 นี้ออกจากสุวรรณภูมิเวลา 23:25 น. ไปถึงสนามบินนาริตะ เวลา 07:15 น.
 เวลาดีๆถึงปุ๊บเที่ยวต่อได้เลย

ก่อนจะไปอ่านรีวิวกันเพลินๆ ต้องบอกก่อนว่าทริปนี้เกิดจากการที่ไปร่วมกิจกรรมกับ Freetel Thailand และโชคดีมากๆ ได้รางวัลตั๋วเครื่องบินเดินทางไปญี่ปุ่น ต้องขอบคุณ Freetel Thailand มากๆครับ
Review >> FREETEL Sim
🎈JAL Premium Economy Class  สามารถโหลดกระเป๋าได้ 2 ใบ ใบละไม่เกิน 23 กก. และจะได้เช็คอินแถวพิเศษ แถวเดียวกับ Bussines Class พร้อมแท็กติดกระเป๋าว่า priority นั่นหมายความว่า เมื่อถึงสนามบินปลายทาง กระเป๋าของเราจะออกมาก่อนครับ
🌸และสิทธิพิเศษของการนั่ง JAL Premium Economy Class อีกอย่างหนึ่งที่ดีงามมากๆคือ 
สามารถใช้บริการของ Sakura Lounge ได้ด้วย เมื่อเช็คอินโหลดกระเป๋า ผ่านตม.เสร็จแล้ว
 ก็ไป Sakura Lounge กันครับ

🌸Sakura Lounge🌸 
ของสายการบินเจแปนแอร์ไลน์ที่สนามบินสุวรรณภูมิ อยู่ที่ชั้น 3 ใกล้ทางออก D8A 
เมื่อถึงแล้วเดินเข้าไปด้านใน จะมีพนักงานต้อนรับพร้อมให้บริการอยู่ครับ เรายื่นบอร์ดดิ้งพาสให้กับพนักงานสแกนเรียบร้อย แล้วก็เข้ามาใช้บริการด้านในได้เลยครับ
ภายในตกแต่งเรียบง่ายตามสไตล์ญี่ปุ่น บรรยากาศเงียบๆ 
มีที่นั่งเป็นแแบบโซฟาและเคาน์เตอร์จำนวนมาก เพียงพอต่อการเข้าใช้บริการแน่นอนครับ 
ทุกที่นั่งจะมีปลั๊กไฟและช่อง USB ไว้ให้บริการด้วย ซึ่งตรงจุดนี้สะดวกสบายมากๆ
อาหารมีให้เลือกทานหลายอย่างทั้งอาหารญี่ปุ่น ไทย ฝรั่ง มาม่าก็มี ของหวานก็มีหลายแบบ
เครื่องดื่มก็มีมาครบครันให้เลือกทานเยอะมาก  ชอบแบบไหนเลือกได้เลย...
รอบล่าสุดผมได้ลองทานผัดกระเพราหมู และมีแกงเขียวหวานด้วย
 รสไม่จัดมากทานกับข้าวญี่ปุ่นก็อร่อยดีครับ 
ใน lounge มีบริการห้องสูบบุหรี่ และห้องอาบน้ำด้วย หากจะใช้บริการlocker 
 สามารถติดต่อได้ที่เคาท์เตอร์ด้านหน้าครับ

🎈นั่งเพลินๆ กลัวว่าจะลืมเวลาจนตกเครื่อง ใน lounge จะมีตารางบินบอก และมีประกาศบอกเวลาเรียกขึ้นเครื่องในแต่ละไฟลท์

😊อิ่มท้องแล้ว เราก็เดินไปขึ้นเครื่องกัน ที่นั่งของ JAL Premium Economy Class เป็นที่นั่งแบบ JAL Sky Premium พิเศษด้วยการขยายที่ระยะห่างระหว่างที่นั่งเพิ่มอีก 10 ซม.และพื้นที่สไลด์ของที่นั่งก็เพิ่มอีก 7 ซม. ที่พักขาปรับได้ 3 ระดับ นั่งสบายๆ ไม่อึดอัดเลยครับ
เปลี่ยรองเท้าเรียบร้อยย..ที่นั่งกว้างนั่งสบายย
✨เมื่อมาถึงที่นั่ง ก็จะมีชุดอุปกรณ์วางไว้ให้อย่างครบเซ็ต มีทั้งที่ปิดตา / ปลั๊กอุดหู / ชุดแปรงสีฟัน / ที่มาร์กหน้า / ผ้าห่ม / หูฟัง / รองเท้าสำหรับใส่บนเครื่อง
👉โดยเฉพาะหูฟัง พิเศษสุดๆด้วยระบบตัดเสียงรบกวนภายนอก ซึ่งหูฟังแบบนี้มีเฉพาะสำหรับบินไปไฟลท์ ลอนดอน, แฟรงก์เฟิร์ต, ปารีส, เฮลซิงกิ, มอสโก, นิวยอร์ก, บอสตัน, ชิคาโก, ลอสแองเจลิส, ซานฟรานซิสโก, แซนดีเอโก, แวนคูเวอร์, ซิดนีย์, จาการ์ตา และเดลี แต่ทำไมไปญี่ปุ่นถึงมี ก็เพราะว่า ทาง JAL ได้นำเครื่องบินรุ่นนี้มาให้บริการเสริมพิเศษ JL718 ในเส้นทางญี่ปุ่น บินไปนาริตะไฟลท์เช้านั่นเอง
ชุดอุปกรณ์ในถุงครบเซ็ต
หูฟังระบบตัดเสียงรบกวนของ Sony ชอบ สวย อันนี้ดี !!
เครื่องขึ้นปุ๊บได้ชุดเบาๆมากินก่อนเลย มัฟฟินกล้วยหอมกับขนม กินระหว่างดูหนังไปด้วยเพลินๆ
มื้อดึกก่อนนอน UDON de SKY อร่อยดีมีเต้าหู้และลูกชิ้นมีลายเครื่องบินเก๋ๆ
และน้ำกีวี่  "Sky Time"  เครื่องดื่มเฉพาะของ JAL
เมนูตอนเช้าเป็นไส้กรอก+ออมเลท สลัดปูอัด สลัดผัก โยเกิร์ต ผลไม้ และขนมปัง 

✈ขามาเครื่องดีเลย์ออกช้าไป 20 นาที เนื่องจากสภาพอากาศ
 แต่ไปถึงที่สนามบินนาริตะ เวลา 07.13 เร็วกว่ากำหนดการนิดหน่อย 
ระหว่างการเดินทางลูกเรือดูแลดีมากกครับ เจอปุ๊บจะคอยถามตลอดว่าเป็นอย่างไรบ้าง หลับสบายไหม
อาหารทานได้ไหมและต้องการอะไรเพิ่มบอกได้เลยนะ อันนี้ดีประทับใจครับ บริการกันแบบเรานี่แอบเกรงใจเลย ถ้ามีโอกาสอยากให้ลองใช้บริการดูครับกับ JAL Premium Economy Class 

🛫ขากลับ NRT  >>>  BKK  ไฟลท์ JL717 

  • ไฟลท์ JL717 ออกจากสนามบินนาริตะ เวลา 12:40 น. ถึงสนามบินสุวรรณภูมิเวลา 18:00 น.

ขึ้นเครื่องที่ สนามบินนาริตะ  Terminal 2 ช่องเช็คอินเยอะหลายแถวมากก คนเลยไม่เยอะมากรอแป๊บเดียว
- First Class  แถว L
- Business Class แถว K
- Economy Class  แถว G O P Q

Economy Class  สามารถอัพนั่ง JAL Premium Economy Class ได้จ่ายเพิ่ม 20,000 เยน


                                *สามารถแวะซื้อสตรอเบอรี่สดๆหรือ UDON de SKY กลับบ้าน
                      ได้ที่ ร้าน Blue sky shop อยู่ที่ ชั้น 4 และยังมีของฝากอื่นๆให้เลือกเยอะเลยครับ
สตรอเบอรี่สดๆส่งตรงจากฟาร์เลย
UDON de SKY 
 
Kitkat มีหลายรสให้ลองเยอะเลย
 
....ข๊อปเสร็จแล้ว ผ่าน ตม.มาขึ้นเครื่อง ขากลับนั่ง Economy Class 
ที่ที่นั่งจะมีหูฟัง หมอนรองหลังและผ้าห่มวางไว้ให้ครับ ผ้าห่มไม่พอสามารถขอเพิ่มได้ 
ช่องวางเท้าก็ไม่แคบนะนั่งได้สบายอยู่
อาหารดูแลโดยเชฟ ในโครงการ  RED U-35  เมนูที่เลือกขากลับนี้เป็นสุกี้ยากี้เนื้อ พร้อมข้าว และมีสลัด ของเคียงต่างๆ อร่อยครับ รสดีเลย และของหวานเป็นไอศครีม Haagen-Dazs 

🛫และขากลับกัปตันบินผ่านให้ชมฟูจิแบบใกล้มากกกกๆ ได้เห็นแบบเต็มๆ

👉อยากเห็นฟูจิ BKK > NRT ให้นั่งฝั่งซ้าย
                        NRT > BKK นั่งฝั่งขวา 

เดินทางกลับถึงเมืองไทยโดยสวัสดิภาพ เคยได้ใช้บริการทั้ง JAL Premium Economy Class และ Economy Class โดยรวมดีทั้ง 2 แบบเลย 
โดยเฉพาะการบริการเป็นการให้บริการแบบสไตล์ญี่ปุ่นเลยครับ 

ถ้ามีโอากาสจะกลับมาใช้บริการอีก หากใครสนใจสามารถเข้าไปดูได้ที่นี่เลย 
และช่วงนี้ทาง JAL มีโปรมาเรื่อยๆนะสามารถติดตามข่าวได้ที่ เพจ Sabai Sabai Japan 
เราจะมาคอยอัพเดทแจ้งข่าวให้ครับ 



🎌ติดตามผลงาน ข้อมูลอัพเดท ภาพและสถานที่เที่ยวสวยๆได้ที่
📳 FB Sabai Sabai Japan : www.facebook.com/sabaisabaijapan
🖱Website : www.SabaiSabaiJapan.com
☎️ Email : SabaiSabaiJapan@Gmail.com